Friday, 27 December 2013

การดูแล Intercooler Intercooler Care

การดูแล Intercooler  Intercooler Care

อินเตอร์คูลเลอร์ คือ อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger) ทำหน้าที่ลดความร้อนของไอดีที่ส่งมาจากระบบอัดอากาศ เช่น เทอร์โบชาร์จหรือซูเปอร์ชาร์จ ก่อนผ่านเข้าสู่ท่อร่วมไอดี และเครื่องยนต์ ไอดีหรืออากาศที่มีความร้อนสูง จะมีความเบาบาง และออกซิเจนน้อย ทำให้การสันดาปไม่รุนแรงเท่าที่ควร ไม่ได้กำลังสูงอย่างที่ควรเป็น เพราะการใช้ระบบอัดอากาศแสดงว่าต้องการเพิ่มแรงบิดและ/หรือแรงม้าของเครื่องยนต์ให้มากกว่าเครื่องยนต์ธรรมดาอยู่แล้ว


นอกจากไอดีจะเบาบางเมื่อร้อนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการชิงจุดระเบิดอีกด้วย ดังนั้นการทำให้ไอดีลดความร้อนลง จึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเครื่องยนต์ที่มีระบบอัดอากาศ เพราะจะได้กำลังเต็มเม็ดเต็มหน่วย และลดความเสี่ยงต่อการชิงจุดระเบิด นอกจากข้อเสียที่ไม่ตรงตัวนัก คือ เงินที่เสียไป และอาการอรอบที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (เพราะต้องอัดอากาศในปริมาตรที่เพิ่มขึ้น) แต่โดยรวมแล้ว การติดตั้งอินเตอร์คูลเลอร์ล้วนมีแต่ผลดี โดยอินเตอร์คูลเลอร์มี 2 แบบหลัก คือ



Air to Air

ระบายความร้อนด้วยอากาศล้วน ๆ อุปกรณ์มีรูปร่างคล้ายหม้อน้ำ มีช่องทางเดินอากาศ หรือหลอดถี่ ๆ อยู่ภายใน และไม่มีน้ำหมุนเวียน แต่เป็นไอดีที่ถูกอัดจากระบบอัดอากาศ เมื่อไหลผ่าน ความร้อนของไอดีจะถ่ายทอดสู่ตัวอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งมีครีบละเอียดอยู่ภายนอกคอยให้อากาศไหลผ่าน เพื่อดึงความร้อนออกไป ได้รับความนิยม และมีใช้กันแพร่หลายกว่าแบบที่ 2



Water to Air

ระบายความร้อนด้วยน้ำและอากาศ ไอดีจะไหลผ่านอินเตอร์คูลเลอร์ที่มีหลายช่องเล็ก ๆ โดยรอบ ๆ ช่องนั้น ถูกล้อมรอบและไหลเวียนด้วยน้ำ น้ำก็จะต่อท่อไปยังหม้อน้ำขนาดเล็ก (แยกจากเครื่องยนต์) และคลายความร้อนของน้ำโดยใช้อากาศผ่านครีบภายนอกของหม้อน้ำ แล้วน้ำที่ลดความร้อนลง ก็หมุนเวียนสู่อินเตอร์คูลเลอร์ต่อเนื่องไป ไม่ค่อยนิยมใช้เพราะยุ่งยาก และถ้าติดตั้งไม่ดีก็จะลดความร้อนได้ไม่ดีเท่าที่ควร



อินเตอร์คูลเลอร์ ที่ดีนั้น จะต้องลดความร้อนของไอดีให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่ขนาดใหญ่ที่สุด เพราะถ้าใหญ่เกินไป ทำให้เกิดอาการรอรอบ บูสต์มาช้า ปริมาตรโดยรวมของระบบไอดีเพิ่มขึ้น โดยไม่มีเรื่องที่ต้องกังวลว่าไอดีจะเย็นเกินไป เพราะยิ่งเย็นยิ่งดี และยังไงก็ต้องร้อนกว่าอากาศภายนอกที่ถูกดูดเข้ามา เพราะถึงจะคลายความร้อน แต่ก็เป็นอากาศที่ถูกอัดตัวเป็นแรงดันสูงกว่าอากาศปกติ



อินเตอร์คูลเลอร์ที่ดีของคนทั่วไปที่มองอย่างผิวเผิน คือ ใบโต ๆ กว้าง ๆ สูง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เน้นตกแต่งเพิ่มความแรง จะฮือฮาเมื่อเห็นอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ๆ ติดตั้งไว้ด้านหน้า ยิ่งคว้านกันชนโชว์ และรับลมยิ่งแจ๋ว



ในด้านประสิทธิภาพการระบายความร้อน ไม่ได้มีแค่ขนาดพื้นที่หน้าตัด (กว้าง x ยาว) เท่านั้นที่เกี่ยวข้อง แต่ยังมีเรื่องของพื้นที่ของครีบ และรอบหลอดภายนอกที่สัมผัสกับลม และลมผ่านได้มากหรือน้อย รวมถึงอีกสารพัดเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น



- ตำแหน่งการติดตั้ง เมื่อขนาดใหญ่แล้วต้องลมผ่าน ไม่ใช่ลมปะทะเต็มหน้า แต่ด้านหลังอินเตอร์คูลเลอร์มีช่องว่างแค่บางส่วน ลมก็ไม่ผ่าน คล้ายกับเปิดหน้าต่างห้องไว้บานเดียว ลมก็ไม่ผ่าน แต่พอเปิดหน้าต่าง 2 บานตรงกัน ลมผ่านฉิวเลย หรือซุกไว้ในส่วนที่ลมผ่านยอก



- ขนาดและจำนวนของหลอดภายในที่ไอดีต้องไหลผ่าน ถ้าเล็กเกินไป ไอดีไหลไม่สะดวก ก็เกิดการอั้นและร้อน



- วัสดุที่นำมาผลิตอะลูมิเนียมมีสารพัดชนิดของส่วนผสม แต่ละชนิดก็มีค่าการอมและคายความร้อนแตกต่างกัน



- ความหนาโดยรวมของตัวอินเตอร์คูลเลอร์ก็เกี่ยวข้อง บางเกินไปพื้นที่สัมผัสอากาศน้อย แต่ลมผ่านง่าย ถ้าหนาลมผ่านยากกว่าก็จริง แต่มีพื้นที่สัมผัสอากาศมากกว่า ต้องมีความพอดี ไม่ใช่หนา 6 นิ้ว จะดีกว่าหนา 2 นิ้วเสมอไป



นอกจากนั้น ยังเกี่ยวข้องกับความสกปรกภายใน-ภายนอก และสภาพของครีบภายนอกอีกด้วย



 อินเตอร์คูลเลอร์ของเก่าเชียงกง

อินเตอร์คูลเลอร์เชียงกง ผ่านการใช้งานมาแล้ว ย่อมมีคราบสกปรกภายใน และมีสภาพภายนอกที่ช้ำ ทั้งจากการถอดและการขนส่ง ล้วนขาดความระมัดระวัง โดยเฉพาะจากการขนส่งที่รวม ๆ กันมากับชิ้นส่วนอื่น มักมีการบุบ แอ่น และที่สำคัญ คือ ครีบลม



อินเตอร์คูลเลอร์ที่ผ่านการใช้งานอยู่ในรถยนต์ ถ้าไม่มีการชนก็ไม่บุบ แต่ก็หนีไม่พ้นความสกปรกทั้งภายนอก และภายใน



ความสกปรกของภายในของหลอดทางเดินไอดี และการระบายความร้อนไอดีที่ปกติต้องไหลผ่านหลอดเล็ก ๆ ถี่ ๆ ก็ลำบากอยู่แล้ว ถ้ามีคราบสกปรกทำให้หลอดเล็กลงไปอีก ก็จะเกิดอาการอั้นการไหล และไอดีที่ไม่ได้สัมผัสกับผิวด้านในของหลอดอะลูมิเนียมโดยตรง เพราะมีคราบสกปรกคั่นอยู่ ก็จะส่งผลให้การถ่ายเทความร้อนไม่ได้



ครีบภายนอกที่ล้ม ก็ส่งผลให้ลมผ่านได้น้อยลง กลายเป็นเพียงลมปะทะด้านหน้าของส่วนที่ตันเท่านั้น ส่วนคราบสกปรกที่เกาะอยู่ภายนอก ก็ส่งผลให้ลมไม่ได้ปะทะและไหลโดนอะลูมิเนียมโดยตรง การถ่ายเทความร้อนต้องมีคราบสกปรกคั่นอยู่เสมอ จึงลดความได้ไม่ดีเท่าที่ควร



การล้างภายในอินเตอร์คูลเลอร์ที่มีหลอดเล็ก ๆ ถี่ ๆ ต้องใช้ของเหลวใส่เข้าไป อุดแล้วเขย่า และเทออก ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ของเหลวที่ใส่เข้าไปต้องมีคุณสมบัติเป็นตัวทำลาย เช่น รอบแรกใส่น้ำมันโซล่า รอบที่สองที่สามใส่น้ำมันก๊าด หรือเบนซิน ให้ระวังเรื่องเพลิงไหม้จากความไวไฟของน้ำมันที่ใช้ล้างด้วย ไม่มีความจำเป็นต้องเป้าแห้ง ถ้าจะเป่าต้องใช้ลมจากปั๊ม ไม่ใช่ไดร์เป่าผมหรือโบล์เวอร์ เพราะอาจเกิดการลุกไหม้ขึ้น



การล้างภายนอก จะใช้โฟมสเปย์ในการล้าง แต่อาจล้างด้วยวิธีง่าย ๆ ใช้แช่ในน้ำมัน แล้วใช้แปรงช่วยทำความสะอาด ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และถ้าจะให้ดี ควรตามด้วยการเป่าลมไล่สิ่งสกปรก



นอกจากการล้างครีบแล้ว การทำความสะอาดฝาครอบหัวท้ายก็มีความจำเป็น เพื่อให้อากาศได้สัมผัส และไหลผ่านส่วนนั้นได้โดยตรง ไม่มีคราบสกปรกคั่งอยู่ แม้ส่วนนี้จะไม่ใช่ครีบ แต่ก็สามารถช่วยระบายความร้อนได้



การแต่งครีบ ไม่ยาก ใช้คีมปากจิ้งจกขนาดเล็ก หรืออะไรแบน ๆ ไล่ตัดไล่แซะให้ครีบมกลับมาเป็นทรงปกติ



ทำไม่กี่ขั้นตอน ก็จะได้อินเตอร์คูลเลอร์ที่มีหลอดอากาศภายในที่โล่งสะอาด และครีบภายในอกที่สะอาดและไม่ล้ม ลมผ่านได้สะดวก



 ขั้นตอนการรีบิลด์อินเตอร์คูลเลอร์ด้วยตัวเอง

1. สภาพของอินเตอร์คูลเลอร์มือ 2 แม้ว่าจะโทรมสักหน่อย แต่ก็ไม่ยากที่จะรีบิลด์ด้วยตัวเอง



2. ขั้นตอนง่าย ๆ ของการทำความสะอาดอินเตอร์คูลเลอร์ก่อนนำมาใช้ เริ่มจากการใส่สารละลาย เช่น น้ำมันเบนซิน หรือน้ำมันโซล่าเข้าไปข้างใน จากนั้นเอามือปิดหัวท้ายแล้วเขย่าสัก 1-2 นาที และถ่ายออกเป็นอันเสร็จ ถ้าไม่มั่นใจในความสะอาดก็ทำหลาย ๆ รอบ



3. สำหรับความงามภายนอก ก็ใช้พวกครีมขัดโลหะจัดการเช็ดฝา และใช้โฟมสเปรย์ ทำความสะอาดเครื่องยนต์ ทำความสะอาดบริเวณครีบ



4. ส่วนครีบที่ล้ม ๆ ก็ใช้ครีมปากจิ้งจก และไขควงค่อย ๆ ดัดให้คืนสู่สภาพเดิม เพื่อให้ลมผ่านได้ดี เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อน



5. หลังผ่านขั้นตอนการฟื้นฟูสภาพ ซึ่งไม่ยากอย่างที่ติด ก็จะได้อินเตอร์คูลเลอร์เก่าที่มีสภาพเหมือนใหม่ ด้วยการลงเงินและลงแรงไม่มากนัก

การดูแล Intercooler  Intercooler Care

Tuesday, 10 December 2013

การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ Voluntary motor insurance

การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ Voluntary motor insurance

ช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้นคือ  ช่วง  ลด  แลก  แจก  แถม  ทั้งในส่วนธุรกิจและภาครัฐบาลเชียวนะครับ  ในส่วนของห้างสรรพสินค้าเพิ่งจะผ่านพ้นเทศกาลลดราคากลางปีไป  ส่วนในภาครัฐบาลเองก็คงเพิ่งจะเสร็จจากการเดินสายแจกแถม  SML ไปหมาด ๆ สำหรับในเรื่องของการประกันภัยรถยนต์นั้นมีรายการรลดราคาเหมือนกันครับ  แต่รายการลดราคาของการประกันภัยรถยนต์นั้นต้องไปตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์





ซึ่งกำหนดให้มีส่วนลดของเบี้ยประกันภัยตั้งแต่  20 %    และสูงสุดถึง  50  %  ของราคาเบี้ยประกันทีเดียว  แต่ส่วนลดเบี้ยประกันภัยทีเดียว  แต่ส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์นั้นจะมีขึ้นได้  ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยทีเดียว  แต่ส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์นั้นจะมีขึ้นได้    ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยได้ทำประกันภัยรถยนต์ติดต่อกันโดยตลอดมา  และในขณะที่ทำประกันภัยนั้นไม่เคยเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ กับบริษัทที่รับประกันภัยเลย  ในกรณีเช่นนี้เมื่อผู้เอาประกันภัยทำประกันภัยในปีต่อไปจะได้ส่วนลดเบี้ยประกันภัย  ดังนี้



ท        ในกรณีที่ไม่มีค่าเสียหายเกิดขึ้น  ในปีแรกจะได้ส่วนลด  20 %

ท        ในกรณีที่ไม่มีค่าเสียหายเกิดขึ้นติดต่อกัน  2  ปีจะได้รับส่วนลด  30 %

ท        ในกรณีที่ไม่มีค่าเสียหายเกิดขึ้นติดต่อกัน  3  ปี  จะได้รับส่วนลด  40 %

ท        ในกรณีที่ไม่มีค่าเสียหายเกิดขึ้น  ติดต่อกัน  4  ปี หรือกว่านั้นจะได้รับส่วนลด  50 %

 

การที่ถือว่ารถยนต์คันใดมีการเรียกร้อง  ค่าเสียหายกับบริษัทที่รับประกันภัยหรือไม่นั้น  ให้ถือเฉพาะการเรียกร้องค่าเสียหายในกรณีที่รถคันที่เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดนั้น  แต่หากการเกิดเหตุและมีการเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากความประมาทของบุคคลภายนอกแล้ว  กรณีเช่นนี้ผู้เอาประกันภัยที่ต่ออายุกรมธรรม์ในปีต่อมา  ก็ยังได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นด้วยเช่นเดียวกัน





โดยถือเสมือนว่ามิได้มีการเรียกร้องค่าเสียหายแต่อย่างใด  ตอนที่พิกัดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ฉบับปัจจุบันเริ่มประกาศใช้ใหม่ ๆ นั้น  ส่วนลดของเบี้ยประกันภัยนั้นจะมีให้เฉพาะรถยนต์คันที่ต่ออายุประกันภัยกับบริษัทที่รับประกันภัยมาแต่เริ่มต้นเท่านั้น  หากในปีที่สองผู้เอาประกันภัยเปลี่ยนไปเอาประกันภัยกับบริษัทอื่น  แต่บริษัทที่รับประกันภัยใหม่ไม่สามารถให้ส่วนลดดังกล่าวนี้ได้  เพราะถือว่ามิได้เป็นการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย  แต่เป็นการเอาประกันภัยใหม่  จนกระทั่ง  กรมการประกันภัยได้มีการประกาศให้บริษัทที่รับประกันภัยรถยนต์ในปีแรกสามารถให้ส่วนลดเบี้ยประกันภัยกับรถยนต์ที่ได้เคยเอาประกันภัยมาแล้วและไม่เคยเรียกร้องค่าเสียหายใด  ๆ กับบริษัทเดิม  ทั้งนี้ให้เป็นดุลพินิจของแต่ละบริษัทที่รับประกันภัยใหม่  โดยมิได้เป็นข้อบังคับแต่อย่างใด  แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับเพราะทุกบริษัทประกันภัยเขาพร้อมจะลด  แลก  แจก  แถมอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเทศกาลใด ๆ ก็ตาม


Saturday, 30 November 2013

ก๊าซธรรมชาติคืออะไร ตอนที่ 3 What is Natural Gas 3



ก๊าซธรรมชาติคืออะไร ตอนที่ 3 What is Natural Gas 3



ก๊าซปิโตเลียมเหลว กับ ก๊าซหุงต้ม ( LPG )
ก๊าซหุงต้ม มีชื่อเป็นทางการว่าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ( liquefied petroleum gas : LPG ) หรือเรียกย่อๆ ว่า แอลพีจี เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแยกน้ำมันดิบในโรงกลั่นน้ำมันหรือการแยกก๊าซธรรมชาติ ในโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลียมเหลวประกอบด้วยส่วนผสมของไฮโดรคาร์บอน 2 ชนิด คือ โพรเพนและบิวเทน ในอัตราส่วนเท่าใดก็ได้ หรืออาจจะเป็นโพรเพนบริสุทธิ์ 100% หรือบิวเทนบริสุทธิ์ 100% ก็ได้ สำหรับในประเทศไทยก๊าซหุงต้มส่วนใหญ่ได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติโดยใช้อัตราส่วนผสมของโพรเพน และบิวเทนประมาณ 70:30 ซึ่งจะให้ค่าความร้อนที่สูง ทำให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาและค่าเชื้อเพลิง
ก๊าซปิโตรเลียมเหลวสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม ในครัวเรือน ในโรงงานอุตสาหกรรม และในยานพาหนะได้ เช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติที่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในโรงงานอุตสาหกรรม และในยานพาหนะ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้งานในครัวเรือนโดยตรง ด้วยคุณสมบัติในการเป็นเชื้อเพลิงติดไฟของก๊าซธรรมชาติและก๊าซหุงต้ม เพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้ต้องใส่ใจในการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในการใช้งานอย่างเคร่งครัด
คุณสมบัติทั่วไปของ LPG
•  เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประกอบด้วยก๊าซโพรเทนและนิวเทน เป็นหลัก
•  ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ปราศจากพิษ ( แต่โดยทั่วไปจะเติมสารเคมีเพื่อความปลอดภัย )
•  หนักกว่าอากาศ
•  ติดไฟได้ในช่วงของการติดไฟที่ 2–15 % ของปริมาณในอากาศ และอุณหภูมิที่ติดไฟได้เองคือ 400 c องศา
คุณประโยชน์ของก๊าซ LPG
•  เป็นเชื้อเพลิงที่นำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมีการเผาไหม้สมบูรณ์
•  ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะไอกรีน
•  มีราคาถูก 9.5 ( 05/08/48 )
•  ก๊าซอยู่ในสภาพแรงดันต่ำ 180 psi
•  อัตราการสิ้นเปลืองก๊าซเทียบเท่ากับการใช้น้ำมันเบนซิน
•  อุปกรณ์มีราคาถูกกว่าอุปกรณ์ก๊าซ NGV



ข้อเปรียบเทียบ
ก๊าซธรรมชาติ
ก๊าซหุงต้ม (LPG)
ความปลอดภัย
มีความปลอดภัยสูงเนื่องจาก เบากว่าอากาศเมื่อเกิดการรั่วไหล จะลอย ขึ้นสู่อากาศทันที
เนื่องจากหนักกว่าอากาศ เมื่อเกิดการรั่วไหลจะกระจายอยู่ตามพื้นราบ
ความพร้อมในการนำมาใช้งาน
สถานะเป็นก๊าซนำไปใช้ได้เลย
สถานะเป็นของเหลว ต้องทำให้เป็นก๊าซ ก่อนนำไปใช้งาน
ประสิทธิภาพการเผาไหม้
เผาไหม้ได้สมบูรณ์
เผาไหม้ได้สมบูรณ์
คุณลักษณะของเชื้อเพลิง
ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเผาไหม้
ปราศจากเขม่าและกำมะถัน
ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่โดยทั่วไป
จะเติมสารเคมีเพื่อความปลอดภัย
จำนวนสถานีบริการ
36 แห่ง ( กค 48)
กว่า 200 แห่งทั่วประเทศ




1. ระบบความปลอดภัย ความปลอดภัยของระบบเชื้อเพลิงก๊าซ ( LPG SAFETY ADVICE )
ระบบ LPG ซึ่งผลิตโดย BRC ได้ถูกออกแบบตามมาตรฐานที่ให้ความปลอดภัยสูง ตามมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ECE 67 ซึ่งทำให้รถของท่านมีความปลอดภัยสูง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ  
• กรณีที่สงสัย หรือพบว่ามีการรั่วไหลของแก๊ส ควรปฏิบัติดังนี้
1.ดับเครื่องยนต์ และเคลื่อนย้ายไปที่อากาศถ่ายเท
2.ปิดวาล์วทันทีเมื่อพบแก๊สรั่ว (มีกลิ่นเหม็น) หรือ ได้ยินเสียงรั่วซึม
3.หยุดการกระทำที่อาจเกิดประกายไฟ ตรวจหาจุดรั่วซึมและแก้ไขจนกว่ามีการรั่วซึม
4.หากทำการแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ทำการสับสวิทช์มาใช้เบนซินและนำรถมาซ่อมที่ศูนย์ติดตั้ง  
2. การซ่อมบำรุงการปรับเปลี่ยน (CONVERSION MAINTENANCE)
อุปกรณ์เสริมเพื่อใช้เชื้อเพลิงแก๊ส LPG ในรถของท่าน ต้องการการซ่อมบำรุงเพียงเล็ก น้อยเท่านั้น คำแนะนำนี้จะช่วยให้รถของท่านทำงานด้วยสมรรถนะที่ดีที่สุด



  ตารางการดูแลและบำรุงรักษาที่ควรทำเป็นประจำ
(REGULAR MAINTENANCE)
ชิ้นส่วนอุปกรณ์
ระยะเวลา
- รักษาระบบการจุดระเบิด (IGNITION SYSTEM)
ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ( ดูตารางการซ่อมบำรุงจาก คู่มือการใช้รถของท่าน)
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
ตามระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ
- เปลี่ยนกรองอากาศ
ทุก 20,000- 30,000 กิโลเมตร หรือตามความจำเป็น
- ทำความสะอาดกรองอากาศ
ทุก ๆ อาทิตย์
- เปลี่ยนกรองก๊าซ LPG
ทุก 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี
- เปลี่ยนหัวเทียน
ทุก ๆ 30,000 กิโลเมตร
- ตรวจสอบข้อต่อและอุปกรณ์ LPG
(
ยกเว้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า)
ด้วยน้ำสบู่ทุก ๆ เดือน
- ทำการใช้ระบบเชื้อเพลิง
อย่างน้อย 10 กิโลเมตร/วัน
- ตรวจสอบตั้งค่าการทำงานในระบบเชื้อเพลิงLPG
เมื่อมีการซ่อมแซมเครื่องยนต์ใหม่
-การตรวจสอบถังบรรจุเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ
อายุไม่เกิน 10 ปี
(
ไม่ต้องตรวจและทดสอบ )
อายุเกิน 10 ปี
(
ต้องตรวจและทดสอบทุก 5 ปี )

ซื้อพรบ.ราคาแบบได้ส่วนลดได้จากที่ไหน Purchase Act. Pricing discounts elsewhere.

ซื้อพรบ.ราคาแบบได้ส่วนลดได้จากที่ไหน Purchase Act. Pricing discounts elsewhere.


ปัจจุบันมีหลายๆ บริษัท ที่ให้บริการเกี่ยวกับการทำ หรือ การต่อพรบ. ซึ่งสะดวกสบายให้คุณได้ซื้อ ตามตรอ. หรือมีมุมสำหรับจำหน่าย พรบ. หรือประกันภัยรถยนต์ ของสถานีขนส่ง ให้คุณได้ซื้อ  แต่บทความนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับ พรบ.ในราคาประหยัด ให้คุณได้ประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้ครับ

มีบริษัทโบรกเกอร์ได้เปิดรับตัวสมาชิกในการซื้อ ซึ่งถ้าคุณสมัครเป็นสมาชิกแล้วแน่นอนว่า คุณก็จะได้รับส่วนลดในการซื้อเช่นกัน 

บริษัทโบรกเกอร์คืออะไร บริษัทโบรกเกอร์ก็ คือ บริษัทที่เป็นนายหน้าในการขายประกัน ซึ่งโบรกเกอร์สามารถขายประกัน ข้อดีก็คือสามารถขายประกันหรือพรบ.ได้หลายบริษัท คือลูกค้าสามารถเลือกบริษัทที่จะทำได้นั่นเอง และถ้าคุณเป็นสมาชิก คุณเองก็สามารถเลือกบริษัทที่คุณจะซื้อพรบ. หรือประกันภัยได้ตามความต้องการของคุณ ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละบริษัท








สำหรับราคาพรบ.นั้น ราคาจะเป็นปกติทั่วไปจะเป็นตามตารางที่ข้างล่างนี้ และถ้าคุณเป็นสมาชิกคุณก็จะซื้อในราคาส่วนลด โดยหักส่วนลดได้ทันที และโอนเงินเฉพาะราคาที่ลดแล้ว ให้บริษัท และทางบริษัทก็จะจัดส่ง พรบ.หรือประกันภัย จัดส่งถึงบ้านคุณทางไปรษณีย์

http://ประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ต่อพรบ.com/ 



สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้ ค่าสมาชิกเพียง 200 บาท ตลอดชีพ  และคุณสามารถซื้อเองหรือขายต่อโดยได้รับส่วนลดเช่นกัน ซึ่งช่วยคุณลดรายจ่าย และสร้างรายได้เสริมได้อีกด้วย

 

ก๊าซธรรมชาติคืออะไร ตอนที่ 2 What is Natural Gas 2

ก๊าซธรรมชาติคืออะไร ตอนที่ 2 What is Natural Gas 2

1. ระบบความปลอดภัย ความปลอดภัยของระบบเชื้อเพลิงก๊าซ ( NGV SAFETY ADVICE )
ระบบ BRC / NGV ได้ถูกออกแบบตามมาตรฐานที่ให้ความปลอดภัยสูง ตามมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ECE R110 ทำให้รถของท่านมีความปลอดภัยสูงสุดและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ก๊าซธรรมชาติ เป็นก๊าซประเภท ( NON - TOXIC)
และไม่เป็นอันตรายต่อการสูดหายใจเข้าไปในปริมาณความเข้มข้นต่ำและก๊าซธรรมชาติมีน้ำหนักเบากว่าอากาศ ดังนั้นเมื่อมีการรั่วตามจุดข้อต่อต่าง ๆ ก๊าซธรรมชาติจะลอยขึ้นสู่อากาศไม่สะสมในรถยนต์
• กรณีที่สงสัย หรือพบว่ามีการรั่วไหลของก๊าซธรรมชาติ ควรจอดรถในที่โล่ง , ดับเครื่องยนต์และปิดวาล์วมือที่ถังบรรจุก๊าซธรรมชาติ จากนั้นปรับไปใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซลีน และนำรถยนต์ของท่านไป ตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐาน
•  เมื่อเติมก๊าซธรรมชาติให้เปิด ฝาครอบพลาสติกที่ครอบหัวเติมก๊าซ จะมีสวิตช์ที่การทำงานตัดระบบของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ เครื่องยนต์จะสตาร์ทไม่ติด
 
2. การซ่อมบำรุงการปรับเปลี่ยน (CONVERSION MAINTENANCE)
อุปกรณ์เสริมเพื่อใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในรถของท่าน ต้องการการซ่อมบำรุงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคำแนะนำนี้จะช่วยให้รถของท่านทำงานด้วยสมรรถนะที่ดีที่สุด

การตรวจสอบระยะ 1,000 กิโลเมตร
เมื่อเครื่องยนต์ติดตั้งระบบ NGV และใช้งานแล้วประมาณ 1,000 กิโลเมตร กรุณานำรถเข้าศูนย์เพื่อทำการ ปรับตั้ง (JUNE UP) และเพื่อตรวจสอบการทำงานอีกครั้งทั้งระบบ โปรดติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญ หรือศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจสอบรถของท่าน
( ดูรายการตรวจสอบที่ 1000 กิโลเมตร ในหัวข้อตารางการซ่อมบำรุง )
การตรวจสอบประจำปี
การตรวจสอบระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ นั้นควรมีการตรวจสอบทุกปี
( ดูรายการตรวจสอบประจำปี ในหัวข้อตารางการซ่อมบำรุง )

ถังบรรจุเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ




ชิ้นส่วนอุปกรณ์
ระยะเวลา
- รักษาระบบการจุดระเบิด
  (IGNITION SYSTEM)
ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
(
ดูตารางการซ่อมบำรุงจาก คู่มือการใช้รถของท่าน)
- เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
ตามระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ
- เปลี่ยนกรองอากาศ
ทุก20,000-30,000กิโลเมตรหรือตามความจำเป็น
- ทำความสะอาดกรองอากาศ
ทุก ๆ อาทิตย์
- เปลี่ยนกรองก๊าซ NGV
ทุก 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี
- เปลี่ยนหัวเทียน
ทุกๆ30,000 กิโลเมตร
- ตรวจสอบข้อต่อและอุปกรณ์ NGV
  (
ยกเว้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า)
ด้วยน้ำสบู่ทุก ๆ เดือน
- ทำการใช้ระบบเชื้อเพลิง
อย่างน้อย 10 กิโลเมตร/วัน
- ตรวจสอบตั้งค่าการทำงานในระบบเชื้อเพลิงNGV
เมื่อมีการซ่อมแซมเครื่องยนต์ใหม่
- การตรวจสอบถังบรรจุเชื้อเพลงก๊าซธรรมชาติ NGV
ต้องทำการตรวจและรับรอง ทุกๆ 5 ปี